ขอบคุณรูปภาพจาก google.
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึงในทุกวงการ ในวงการศัลยกรรมหนังศีรษะ หรือเส้นผม ก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาผสมผสานใช้กับการศัลยกรรมเส้นผมมากมาย และส่วนหนึ่งของการศัลยกรรมที่เพิ่งพาเทคโนโลยีนั้นก็คือ เทคนิคการศัลยกรรมเส้นผมแบบ FUE และนอกจากนี้ยังมีการศัลยกรรมเส้นผมด้วยเทคนิคที่มีชื่อเรียกคล้ายกันอย่าง เทคนิคศัลยกรรม FUE FUTอีกด้วย ทั้งสองเทคนิคนี้ เป็นการทำศัลยกรรมเส้นผมเหมือนกันมีวิธีการทำการดำเนินการคล้ายกัน แต่ก็มีความต่างกันเล็กน้อย ซึ่งความต่างนี้เป็นสิ่งที่เพื่อนๆ หรือผู้ที่กำลังสนใจต้องนำมาตัดสินใจในการเลือกการใช้เทคโนโลยี เทคนิคศัลยกรรมหนังศีรษะกันให้ดีดีว่าจะเลือก เทคนิคศัลยกรรม FUE หรือ เทคนิคศัลยกรรม FUT
แต่ก่อนที่เราจะเลือกตัดสินใจในการทำศัลยกรรมปลูกผม เราลองมาศึกษากันก่อนว่า เทคนิคศัลยกรรม FUE คืออะไร และเทคนิคศัลยกรรม FUT คืออะไร เพื่อที่เราจะได้เห็นถึงความต่างในการเลือกการนำทั้งสองเทคนิคนี้มาใช้นั้นเองก่อนอื่นเรามาเริ่มกันที่ เทคนิคศัลยกรรม FUE กันเลย
ขอบคุณรูปภาพจาก google.
ในเทคนิคการทำศัลยกรรมปลูกผมแบบ FUE หรือ Follicular Hair Extraction แปลเป็นไทยแบบตรงตัวคือ “กำจัดขนรูขุมขน” ซึ่งวิธีการแรกก็คือแพทย์จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากๆคล้ายกับเข็มฉีดยา คือจะมีรูอยู่ภายในภายในเข็ม เป็นลักษณะท่อนั้นเอง ทำการเจาะเข้าไปในเส้นผมของเราโดยให้เส้นผมอยู่ระหว่างรู หรือ ท่อภายในของเข็ม และแทงเข็มเข้าไปข้างในหนังศีรษะของเราเพื่อที่จะถึงรากผมของเราออกมาทั้งยวงนั้นเอง หรือหากพูดให้เห็นภาพก็คล้ายกับการขุดต้นกล้า ที่ขุดเอาขึ้นมาทั้งดินไปลงในดินใหม่นั้นเอง
เมื่อแพทย์ได้ผมของเราพร้อมกับเซลล์บริเวณรอบๆเส้นผมมาแล้ว เส้นผมเหล่านั้นก็จะถูกนำไปแช่กับน้ำยาที่ช่วยให้เซลล์ และเส้นผมที่ถูกนำออกมานั้นมีความแข็งแรงมากกว่าเดิม เหมือนกับการใส่ปุ๋ยในต้นไม้นั้นเอง ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่จะทำให้เมื่อเรานำเส้นผมพร้อมกับเซลล์บริเวณรอบๆเส้นผมไปปลูกในตำแหน่งที่เราต้องการ เส้นผมกลุ่มนั้นจะแข็งแรงยิ่งขึ้นนั้นเอง
เมื่อเส้นผม รากผม พร้อมเซลล์บริเวณรอบ ที่ถูกดึงออกมาถูกเพิ่มความสมบูรณ์ด้วยสารอาหารเฉพาะทางแล้วก็จะถูกนำไปปลูกบริเวณที่เราต้องการจะสร้างเส้นผมนั้นเอง
ขอบคุณรูปภาพจาก google.
สำหรับเทคนิคศัลยกรรมปลูกผมแบบ FUT หรือ Follicular Hair Transplant นั้นเป็นเทคนิคที่คล้ายกันกับเทคนิคศัลยกรรมปลูกผมแบบ FUE นั้นเอง ซึ่งเป็นวิธีการย้ายของรากผมนั้นจะมีความแตกต่างกัน ก็คือ การปลูกผมด้วยเทคนิคศัลยกรรม FUT นั้นจะเป็นการตัดหนังศีรษะส่วนของด้านหลังในลักษณะที่เป็นชิ้นๆ เป็นแผ่นยาวๆ ประมาณ 1-2 cm คล้ายกับริบบิ้นนั้นเอง เมื่อทำการผ่าตัดออกมาแล้วก็จะทำการดึงหนังศีรษะมาเย็บปิดบาดแผลนั้นให้สนิท บาดแผลในการผ่าตัดส่วนด้านหลังศีรษะนั้นจะมีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 2 cm และมีความยาวประมาณ 15 – 30 cm เพราะเป็นการนำเอาหนังศีรษะตั้งแต่ช่วงหูข้างหนึ่ง ถึงหูอีกข้างหนึ่งนั้นเอง
หลังจากที่เราได้แผ่นหนังศีรษะที่มีรากของเส้นผมมาแล้ว แพทย์ก็จะทำการนำ เอาแผ่นของหนังศีรษะที่มีรากของเส้นผมไปทำการผ่าตัดเข้าไปในส่วนที่เราต้องการที่จะเพิ่มเส้นผมนั้นเอง
เมื่อเราได้ทราบถึงวิธีการทำปลูกผมด้วยเทคนิคการปลูกผมทั้ง 2 เทคนิคแล้ว เรามาดูกันถึงข้อดี และข้อเสียของการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE และ FUT กันต่อเลย เพื่อที่เราจะประเมินความพร้อมว่าเราเหมาะกับการปลูกผมด้วยวิธีไหนนั้นเอง ซึ่งสำหรับใครที่สนใจได้อ่านวิธีการ เทคนิคของทั้ง 2 เทคนิคนี้ไปแล้ว อาจจะเริ่มจับทางได้แล้วว่าเราจะต้องเลือกใช้วิธี เทคนิคไหนในการฟื้นฟูเส้นผม และหนังศีรษะของเรา ส่วนใครยังไม่แน่ใจว่าเหมาะกับวิธีไหนเรามาดูกันต่อเลย
สำหรับข้อดีของเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE นั้นก็คือ การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE สล็อตออนไลน์จะทำให้หนังศีรษะของเรามีบาดแผลหลังทำน้อยกว่า และแผลนั้นจะเป็นแผลแบบจุดสีขาว ความเจ็บปวดจากการทำด้วยวิธี FUE นั้นก็มีความน้อยกว่าวิธี FUT อย่างมาก เพราะเป็นการดึงออกมาทีละจุด และถ้าหากเราไม่สามารถใช้ หรือ เส้นผมบนหนังศีรษะด้านหลังนั้นมีไม่เพียงพอ ก็จะสามารถทำเส้นขนจากส่วนอื่นมาใช้ได้
ส่วนข้อเสียของเทคนิค FUE นั้นก็คือ เมื่อเราทำการดึงรากของเส้นผมออกมาทีละจุด ด้วยจุดนั้นมีความเล็กมากๆ ก็มีผลที่จะทำให้รากผม หรือส่วนสำคัญที่จะใช้ในการปลูกนั้นเสียหาย ซึ่งถ้าหากใครที่จำเป็นจะต้องปลูกผมเป็นจำนวนมาก หรือเรียกอีกอย่างว่าต้องใช้กราฟผมมาก แพทย์ผู้ทำศัลยกรรมก็มักจะแนะนำให้ใช้วิธีการปลูกด้วยเทคนิค FUT เหตุผลก็คือ การที่เราตัดหนังศีรษะพร้อมนำรากผมขึ้นมาเป็นแผ่นนั้น จะทำให้แพทย์ควบคุมการรักษารากผมได้ง่ายกว่าการดึงขึ้นมาเป็นจุดนั้นเอง
แต่การที่จะใช้วิธี FUT มาทำศัลยกรรมนั้นผู้ที่ทำศัลยกรรมต้องมีความเตรียมพร้อมที่จะรับความเจ็บปวดจากบาดแผลหลังการทำศัลยกรรมให้ดี เพราะการทำศัลยกรรมด้วยวิธีนั้น จะเป็นการสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ และส่งผลให้มีความเจ็บปวดที่มากกว่านั้นเอง