ช่วงวันสองวันนี้ เราคงจะได้ยินเรื่องของการฝั่งยาคุมฉุนเฉินกันมาบ้างทั้งในเรื่องของข่าวคดีคุณแตงโม ที่มีคุณโม อมีนา ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องของคุณแตงโมในเรื่องของการที่ทำไมผลการชันสตรูถึงได้พบว่าคุณแตงโมงนั้นมีประจำเดือนได้ทั้งๆ ที่คุณแตงโมงได้ทำการฝั่งยาคุมกำเนิดแล้ว
ด้วยเหตุการณ์นี้เอง ทำเอาใครหลายคนต่างก็พากันสงสัยกับเรื่องการฝั่งยาคุมของคุณแตงโมไปตามๆ กันหลังจากที่ได้ยินการให้สัมภาษท์ของคุณโม อมีนา ว่าการฝั่งยาคุมกำเนิด
ยาฝังคุมกำเนิด สามารถสร้างความแตกต่างจากการรับประทานยาคุมจนทำให้ร่างกายของเรานั้นไม่มีประจำเดือนจริงหรือ? แล้วยาคุมกำเนิดคืออะไร ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเราหรือ?
ขอบคุณรูปภาพจาก google.com
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง หรือการคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นการคุมกำเนิดประเภทหนึ่งในกลุ่มการคุมกำเนิดชั่วคราวของผู้หญิง โดยการคุมกำเนิดประเภทนี้นั้นมีผลงานวิจัยแล้วว่า เป็นการคุมกำเนิดที่ส่งผลได้ดีที่สุดหรือแทบจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการทำหมันหรือการคุมกำเนิดแบบถาวรเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุผลนี้เองการคุมกำเนิดแบบฝังนั้นเริ่มได้รับความนิยมภายในประเทศมากขึ้น
การคุมกำเนิดแบบฝังนั้น เป็นการที่นำแท่งฮอร์โมนชนิด โปรเจสติน (Progestin) ที่ถูกอัดแท่งให้เป็นขนาดเล็กเท่ากับไม้จิ้มฟัน ฝังเข้าไปที่บริเวณใต้ท้องแขน ในกรณีนี้มักจะนิยมฝังเข้าไปในข้างที่ไม่ถนัดหรือไม่ค่อยได้ใช้งาน หลังจากฝั่งเข้าไปแล้วนั้นฮอร์โมน โปรเจสติน จะทำสลายออกจากแท่งฮอร์โมน และค่อยๆ ซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างช้าๆ เพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยายับยั้งการเจริญเติบโตโดยตรงกับฟองไข่ซึ่งจะทำให้ผู้หญิงไม่มีการตกไข่นั้นเอง
ขอบคุณรูปภาพจาก google.com
ประจำเดือนของผู้หญิง คือ การแสดงความพร้อมของร่างกายในรูปแบบของธรรมชาติที่เป็นสัญญาณบอกถึงการที่ร่างกายพร้อมแล้วที่จะเจริญพันธุ์ ร่างกายจะทำการขับเลือด และเนื้อเยื่อต่างๆ ออกมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อปรับเปลี่ยนระดับฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกาย โดยปฏิกิริยานี้ จะสอดคล้องกับการตกไข่นั้นเอง เหตุการณ์นี้จะทำให้เพศหญิงมีของเสีย หรือเลือด ไหลออกมาจากร่างกาย โดยสิ่งนี้ถูกเรียกว่า “ประจำเดือน”
ด้วยการฝังยาคุมที่ส่งผลให้ร่างกายไม่เกิดการตกไข่นี้เอง ทำให้ผู้หญิงที่ฝังยาคุม ไม่มีเลือดประจำเดือนจ้า
ก่อนที่การคุมกำเนิดแบบฝังจะได้รับความนิยมเหมือนกับทุกวันนี้ การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวมีวิวัฒนาผ่านการศึกษา และเทคโนโลยีมาอย่างมากมาย ซึ่งก่อนหน้านี้นั้น การคุมกำเนิดแบบฝัง จะเป็นการคุมกำเนิดแบบฝังแท่งฮอร์โมนที่ถูกอัดบรรรจุไว้ในแท่งพลาสติกจำนวน 6 แท่งเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งวิธีการนี้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการฉีดยาชาก่อน และมีปัญหาเรื่องของการนำแท่งพลาสติกออกเมื่อผ่านระยเเวลาไป วิธีการฝังยาคุมแบบฝังนั้นจึงไม่ได้รับความสนใจในยุคก่อน
ต่อมา ทางการแพทย์ ได้มีการวิจัย ผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิด และพัฒนาให้ยาคุมกำเนิดแบบฝังสะดวกต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นนั้นก็คือ การลดจำนวนแท่งฮอร์โมนลงเหลือ แท่งเดียว โดยการพัฒนาครั้งนี้นั้น จะเป็นครั้งแรกที่เริ่มการฝังเข้าที่ท้องแขนนั้นเอง แต่สิ่งที่ทำให้ยังคงแตกต่างกับปัจจุบันก็คือ ยังคงต้องถอดออกมาเมื่อถึงระยะเวลานั้นเอง
แน่นอนว่าการฝังยาคุมกำเนิดนั้น ส่งผลกับร่างกายอันดับแรกเลยก็คือทำให้ร่างกายของเรานั้นนไม่มีการขับเลือดออกในทุกเดือน หรือ ประจำเดือนนั้นเอง และนอกจากนี้แล้ว การฝังยาคุมกำเนิดนั้นยังไม่ทำให้เรามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเหมือนกับการคุมกำเนิดแบบการรับประทานยาอีกด้วย
ยาคุมกำเนิดจะส่งผลต่อร่างกายโดยเริ่มต้นจากการปล่อยฮอร์โมนที่อยู่ภายในแท่งยาให้ละลายออกเข้าสู่กระแสเลือด และตรงเข้าไปที่รังไข่ ทำให้ฟองไข่ที่กำลังพัฒนาเพื่อให้พร้อมกับการเจริญพันธุ์นั้นเกิดการหยุดการพัฒนา ซึ่งเมื่อไข่ไม่เกิดการพัฒนา ก็จะทำให้ไม่เกิดการตกไข่ และเมื่อร่างกายรับอสุจิ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเจริญพันธุ์เข้าสู่ร่างกาย ไข่ที่จะต้องเป็นหัวใจหลักที่จะต้องรอการผสมของอสุจินั้นไม่มีการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ก็จะทำให้อสุจิเข้าไปไม่พบเจอกับอะไร และนี่เองทำให้ร่างกายไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ชั่วคราว
ในปัจจุบัน นอกจากการคุมกำเนิดถาวร หรือการทำหมัน จะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถถตั้งครรภ์ได้อย่างแน่นอนแล้ว การคุมกำเนิดแบบฝังยาคุม ยังถือได้ว่าเป็นการคุมกำเนิดที่ประสบความสำเร็จรองลงมาเลยก็ว่าได้ สล็อตออนไลน์ โดยการคุมกำเนิดแบบฝังยานั้นได้รับการรับรองทางงานวิจัย และการใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีที่สุด โดยการล้มเหลว หรือการผิดพลาดของการฝังยาคุมนั้นมีเพียงแค่ 0.05% เท่านั้น หรือ 1ใน 2,000 คนเท่านั้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือการฉีดยาคุมนั้น การฝังยาคุมกำเนิดก็ยังคงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากที่สุดอยู่ดี จากงานวิจัยทางการแพทย์มีระบุรายงานไว้ว่า การรับประทานยาคุมนั้น สถิติการตั้งครรภ์ยังอยู่ที่ 1 ใน 11 คน และการฉีดยาคุมนั้นยังมีสถิติของความล้มเหลวอยู่ที่ 1ใน 17 คน
ถ้าแบบนั้นการสวมถุงยางอนามัย ก็น่าจะทำให้คุมกำเนิดได้ดีกว่าการฝังยาคุมแน่นอน หากคุณกำลังมีความคิดแบบนี้ละก็ บอกเลยว่าสำหรับการคุมกำเนิดด้วยการสวมถุงยางอนามัยชายนั้นสามารถเสี่ยงมีลูกได้สูงถึง 1 ใน 5 คนเลยทีเดียว เพราะตัวถุงยางอนามัยชายนั้น จุดประสงค์หลักนั้นก็คือ การป้องกันการติดต่อทางโรคที่เกิดจากมีเพศสัมพันธุ์นั้นเอง
สำหรับผู้ที่ต้องการรับการฝังยาคุมกำเนิดนั้น มีข้อแนะนำเล็กน้อยให้ลองพิจราณาก่อนเข้ารับยาคุมกำเนิดแบบฝั่งดังนี้
- เว้นระยะการเข้ารับยาคุมกำเนิดแบบฝัง ถ้าหากอยู่ในช่วงเวลาการสงสัยว่าตนเองนั้นจะตั้งครรภ์หรือไม่
- ให้ตรวจสุขภาพภายในเฉพาะก่อนที่จะเข้ารับการฝังยาคุมกำเนิด เพราะยาคุมกำเนิดจะมีผลให้กระตุ้นเลือดประจำเดือนออกมาในช่วงแรก และในระยะยาวจะส่งผลให้เลือดไหลง่าย และหยุดยากอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ต้องการฝังยาคุมกำเนิด เพื่อความปลอดภัย แนะนำว่าให้เข้ารับการตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนเริ่มการฝัง