ถ้าหากใครชื่นชอบหนัง แอ็กชั่น บู๊ สุดมันส์ ต้องบอกเลยว่า หนังเรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า Interceptor สงครมขีปนาวุธ จากทาง Netflix ถือได้ว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก โดยเรื่องราวของหนังนั้นบอกเลยว่า มีฉากต่อสู้บู๊กันตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ใส่ฉากต่อสู้มาเยอะจนน่าเบื่อเกินไป มีการผสมการคิดวิเคราะห์ วางแผนแก้ปัญหาของตัวละคร ที่ถูกบีบด้วยระยะเวลาที่จำกัดมาให้เราลุ้นกันแบบ ฉากต่อฉาก Interceptor หนังบู๊สุดมันส์ นอกจากนี้แล้ว ต้องบอกเลยว่าถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Interceptor ที่ชูภาพหน้าปกด้วยการที่ให้นางเอกเป็นตัวละครหลักก็ตามแต่คิวบู้นั้นทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก
เนื้อเรื่องของหนัง Interceptor เป็นการบอกเล่าถึงการก่อการร้ายในยุคของสงครามขีปนาวุธ บอกเลยว่าตรงกับยุคปัจจุบันมากๆ โดยเป็นการก่อการร้ายที่จ้องจะทำลายประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการยิงขีปนาวุธเข้าทำลายเมืองหลักๆ ทั้ง 16 เมืองของสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม ระบบการป้องกันการโจมตีทางขีปนาวุธของสหรัฐฯนั้นถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ก่อการร้าย จะต้องเข้ายึดฐานสกัดกั้นขีปนาวุธที่ผู้ก่อการร้ายกำลังจะปล่อยออกไป และฐานสกัดกั้นที่เป็นป้อมปราการป้องกันด่านสุดท้ายของสหรัฐฯ ก็คือ SBX-1 ที่ตัวละครเอกอย่าง กัปตัน เจ.เจ คอลลินส์ เพิ่งถูกส่งตัวไปประจำการนั้นเอง
เธอจะสามารถป้องกันไม่ให้ประเทศสหรัฐอเมริกาถูกโจมตีจากขีปนาวุธทั้ง 16 ลูกได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับ กัปตัน เจ.เจ. คอลลินส์ นั้นเอง
ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Interceptor นั้น จะถูกพูดถึงว่าเป็นหนังบู้เกรดบี แต่หนังเรื่อง Interceptor ก็ได้ตัวนักแสดงนำอย่าง เอลซ่า พาทากี้ มารับบทเป็น กัปตัน เจ.เจ. คอลลินส์ กัปตันหญิงสุดแกร่งจากเรื่อง Fast & Furious 5 ในบทของ เอลเลน่า ซึ่งบอกเลยว่าในหนังเรื่อง Interceptor นั้นเธอเล่นได้อย่างสมบทบาท ในเรื่องของการแสดง และความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงก็ตาม แต่เธอสามารถสร้างร่างกายได้แข็งแกร่ง จนเราได้เห็นฉากโหนบันไดด้วยมือเดียว แอบบอกเลยว่า ในหนังมีการเหวี่ยงตัวด้วยมือข้างเดียวนับสิบๆ ครั้งอีกด้วย บอกเลยว่าใครมาเป็นตัวร้ายในเรื่องนี้ต้องกุมขมับแน่นอน
ในด้านของผู้ก่อการร้าย ผู้ที่นำทัพบุกเข้ามาในฐานทัพ SBX-1 นั้นก็คือ ลุค บาร์ซีย์ ในบทชอง อเล็กซานเดอร์ หัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่หวังจะทำลายสหรัฐอเมริกาให้ล่มสลาย ลุค บาร์ซีย์ นั้นได้เข้าถึงบทบาทของหัวหน้าผู้ก่อการร้ายได้อย่างครบเครื่อง ทั้งเรื่องของคิวบู้ และเลห์กล ความชั่วร้าย ในการเล่นกับจิตใจของกัปตัน เจ.เจ. คอลลินส์ อย่างถึงที่สุด ด้วยบทบาทที่เขานั้นถูกยกให้เป็นทหารที่ชำนาญด้านการทรมาน ทางด้านจิตใจ บอกเลยว่าเขาเล่นได้สมบทบาทจริงๆ
และนอกจากที่เราจะได้เห็นบทบาทของ เอลซ่า พาทากี้ ภรรยาสุดสวยของ คริส เฮมส์เวิร์ท เราก็ยังจะได้เห็น คริส เฮมส์เวิร์ท เทพเจ้าสายฟ้าจาก Thor ในเรื่อง Interceptor อีกด้วย โดยเขามารับบทเป็นผู้ชม สร้างสีสันให้หนังเรื่องนี้ไม่ตึงเครียดจนเกินไปได้เป็นอย่างดี
ต้องยอมรับเลยว่าหนังเรื่อง Interceptor นั้นทำออกมาได้ดีจริงๆ รีวิวหนัง INTERCEPTOR ฉากแต่ละฉากนั้นทำให้เรารู้สึกสนุก มันส์ มีการบู้อย่างสะใจ เรียกได้ว่าเทียบได้กับหนังบู้ระดับตำนานหลายๆ เรื่องอย่าง Die Hard หรือ Sudden Death แต่สำหรับหนังเรื่อง Interceptor นั้นอาจจะต้องทำใจ เพราะสำหรับหนังแนว Interceptor ถือได้ว่าเกิดมาผิดยุคไปหน่อยเมื่อเทียบกับหนังในยุคนี้
เนื้อเรื่องที่วางไว้ในหนังนั้นถึงแม้ว่าจะถูกปูพรมด้วยบทบาทการบู้ของตัวเอก และการกดดันของกลุ่มผู้ก่อการร้ายก็ตาม แต่การเดินเรื่องนั้นค่อนข้างที่จะเรียบง่ายเป็นเส้นตรงเกินไป เป็นการเล่าเรื่องที่ตรงตามสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยงบการสร้างที่ไม่สูงนัก อาจจะทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้สถานที่ ระยะเวลาการถ่ายทำ หนังเรื่อง Interceptor ถือได้ว่าทำออกมาได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว เพราะอย่างที่บอกไป หนังเรื่อง Interceptor นั้นถือได้ว่าสร้างมาแบบครบสูตรสำเร็จของหนังบู้ระดับตำนาน อย่าง Die Hard1 และ Die Hard2 แบบที่ใครกำลังคิดถึงหนังบู้ระดับนั้นสามารถเลือกดู Interceptor ในยุคนี้แล้วสนุกตามอย่างแน่นอน
Spoiler alert ต้องเตือนใครที่ยังไม่ได้ดูก่อนเลยว่า หลังจากตรงนี้ไปอาจจะมีการสปอยเนื้อหาสำคัญบางจุดที่อาจจะทำให้คุณเสียดายหากไม่ได้ดูด้วยตัวเอง หากใครยังไม่ได้ดู แนะนำให้ดูก่อนเลย
สำหรับความในใจหลังดูจบ แอบผิดหวังกับหัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายไปนิดนึง เพราะถึงแม้ว่าจะถูกปูทางมาแล้วว่าเขานั้นเป็นทหารที่ชำนาญการในด้านของการวางแผน และปั่นประสาทด้านจิตวิทยาก็ตาม แต่ด้วยร่างกายกำยำของตัวละครนั้น ทำให้เราแอบคาดหวังว่าจะได้เห็นบทต่อสู้บู้ที่ดีกว่านี้
แต่อย่างไรก็ตาม หนังก็ได้สื่อในเรื่องของ Sexual Harassment ที่ต้องบอกเลยว่าเรื่องราวเหล่านี้นั้นเกิดขึ้นในสังคมจริงๆ ทุกสายอาชีพ แต่การวางเส้นเรื่องของ Sexual Harassment และการพูดถึงสิทธิสตรีของหนังนั้น ถือว่าแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน และมีพลังโดยเฉพาะการนำมาใส่ไว้ในหนังที่ตัวละครอยู่ในระบบชายเป็นใหญ่ อย่างกองทัพ นั้นเอง