ขอบคุณรูปภาพจาก google
ต้องยอมรับเลยว่า ในเวลานี้เด็กรุ่นใหม่ กลุ่มผู้ที่สนใจในด้านของเศรษฐกิจ และสังคม ไม่มีใครไม่รู้จัก KKP Research หรือ ธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จากบทความที่ทาง “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” ได้เขียนไว้ในหัวข้อ “เมื่อโลกเริ่มไม่สนใจไทยอีกต่อไป” บทความนี้เป็นสิ่งที่ทาง “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” เขียนไว้ได้ละเอียด และข้อมูลครบถ้วน เห็นภาพได้ชัดเจนเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของการจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เรื่องของกลุ่มการค้าการส่งออก กลุ่มเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว หรือ กลุ่มอุตสาหกรรมในบ้านเรา บทความ “เมื่อโลกเริ่มไม่สนใจไทยอีกต่อไป” สามารถพูดถึงปัญหาทั้งหมดได้อย่างตรงจุด มีการยกตัวอย่าง และเสนอแนวทางปฏิบัติแก้ไขได้อย่างชัดเจน
มาถึงจุดนี้ สำหรับผู้ที่สนใจหน้าใหม่ หรือได้อ่านบทความที่ KKP Research “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” ได้เขียนไว้แล้วนั้น อาจจะเริ่มสงสัยว่า “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” นั้นคือใคร ทำไมสามารถเขียนบทความนี้ได้อย่างชัดเจน และบทความนี้มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ในวันนี้เราจะมาทุกท่านไปรู้จักกับ “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” และ บทสรุปโดยย่อของบทความ “เมื่อโลกเริ่มไม่สนใจไทยอีกต่อไป”
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร คือกลุ่มที่เกิดจากการร่วมตัวกันระหว่างกิจการผู้ให้บริการธุรกิจด้านการเงิน หรือธนาคารพาณิชย์ซึ่งในส่วนนี้นั้นคือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) นั้นเอง เข้าจับมือกับ บริษัท เคเคพี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มธุรกิจของตลาดหุ้น ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่คอยจับตาดูการลงทุน และความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจมาโดยตลอด โดยการจับมือรวมกลุ่มกันนั้นมีจุดประสงค์หลักคือต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในด้านการเงิน การลงทุน และด้านข้อมูลการใช้บริการทางการเงิน เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้บริการ สามารถปรึกษา และร่วมลงทุนกับ “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” ได้โดยที่มีข้อมูลจากกลุ่มที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ทางกลุ่มได้มีการสร้างพนักงานที่เคยดูแลผู้ถือหุ้น ให้คำปรึกษา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การสภาพคล่องของหุ้นที่กำลังสนใจ ทั้งภายใน และต่างประเทศ “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” ยังคงเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ และการตลาดของประเทศไทยเราอีกด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก google
เมื่อเราทำความรู้จักกับ “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” กันไปแล้ว จากนี้เราจะมาลองดูถึงข้อมูล บทวิเคราะห์จาก “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” เรื่อง “เมื่อโลกเริ่มไม่สนใจไทยอีกต่อไป” ธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ว่ามีความเป็นไปได้มากมายน้อยแค่ไหน แล้วเหตุใดเราควรให้ความสนใจกับเรื่องนี้
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ทั่วโลกต้องเผชิญ สามารถบอกได้ว่าเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นปัญหาหลักที่เรากำลังจะพูดถึงกันในตอนนี้ แต่เป็นปัญหาที่ทำให้เรามองเห็นสถานการณ์ที่มากจาบทวิเคราะห์ของ “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ก่อนหน้าที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เริ่มระบาด นักลงทุนชาวไทย และชาวต่างชาติ เริ่มทำการขายทรัพย์สินด้านการลงทุนออกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 แล้ว ทำให้กระแสในการเทขายทรัพย์สินค้านการลงทุนนั้นเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รัฐบาลไทยไม่สามารถให้ความมั่นใจกับผู้ลงทุนรายใหญ่ต่อไปได้ จนทำให้การลงทุนนั้นถูกถดถอยออกจากประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลของปี 2021 เพียงแค่ไตรมาสแรกของปี ได้เห็นว่านักลงทุนไทยเลือกที่จะไปลงทุนในต่างประเทศมากถึง 3 แสนล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้จะสร้างผลกระทบให้กับประเทศไทยหลังฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด จบลงเป็นอย่างมาก
เมื่อเราดูการลงทุนในด้านของสินทรัพย์ไปแล้ว จากนี้คือการลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ในส่วนนี้เราได้เห็นการเลือกตั้งโรงการการผลิตอุตสาหกรรมมากมายที่ถูกเลือกนำไปลงทุนที่ต่างประเทศ ด้วยเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดนั้น หากเราหาข้อมูลการผลิต และส่งของของไทยเราจะพบว่า โรงงานอุตสาหกรรมในไทย ทั้งด้านที่ผลิตส่วนของดิจิทัล และชิ้นส่วนรถยนต์ ยังเป็นรูปแบบการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่าอยู่ หรือหากพูดให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นก็คือ ฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยนั้น ยังเป็นฐานการผลิตรถยนต์สำหรับใช้น้ำมันอยู่ แต่หากเปรียบกับประเทศอื่นๆ นักลงทุน และบริษัทรายใหญ่ เลือกที่จะตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแทน สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า นักลงทุนเริ่มขาดความเชื่อมันในอนาคตในการลงทุนสร้างฐานการผลิตสินค้าที่จะเป็นที่นิยมในอนาคต
ตัวเลขรายได้หลักของประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากธุรกิจส่งออก สล็อตออนไลน์ ซึ่งเราพึ่งพาธุรกิจส่งออกถึง 70% ของรายได้ทั้งหมดที่ได้รับ ส่วนนี้ แบ่งเป็น ธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทยานยนต์ และชิ้นส่วนดิจิทัล 40% ซึ่งในส่วนนี้เป็นส่วนของการลงทุนจากต่างประเทศ ที่ในตอนนี้นั้นนักลงทุนเริ่มที่จะปล่อยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมภายในประเทศไทยลง แล้วเริ่มไปลงทุนตั้งฐานการผลิตที่ประเทศอื่นเป็นจำนวนมากแล้ว
ส่วนที่ 2 ของการส่งออกคือธุรกิจการส่งออกด้านการเกษตร ซึ่งกลุ่มนี้สามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศถึง 30% และไทยเรายังสามารถบอกได้ว่าเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกได้อีกด้วย แต่ในปัจจุบัน การออกทางด้านการเกษตรนั้นมีคู่แข่งที่น่ากลังเกิดขึ้นจากหลากหลายประเทศเช่น จีน, เวียนนาม เป็นต้น ทั้งนี้ยังรวมกับค่าครองชีพในประเทศไทยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรนั้นมีมูลค่าที่สูงขึ้น ทำให้คู่แข่งด้านการส่งออกทางการเกษตรนั้น สามารถนำเราได้ในอีกไม่นานนี้
จนถึงตอนนี้ สถานการณ์โควิด 19 ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นภายในปีนี้ การลงทุน, การส่งออก, และการท่องเที่ยว ทั้ง 3 ช่องทางที่เป็นรายได้หลักของประเทศกำลังจะเริ่มหมดไป เหมือนกับกองไฟที่กำลังจะดับ และถึงแม้ว่าเราจะมีนักลงทุน หรือ กลุ่ม SME ที่เก่งๆ หลายรายให้เราเห็น แต่ในตอนนี้ พวกเขาก็กำลังโดนโจมตีอย่างรุนแรงด้วยการผูกขาดทางการตลาดขนาดใหญ่ การให้ความช่วยเหลือด้านธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม ทำให้นักลงทุน และกลุ่ม SME ที่มองเห็นโอกาสในการทำเงิน ตัดสินใจเลือกที่จะไปสร้างชื่อ สร้างรายได้จะต่างประเทศ