ในตอนนี้เราได้เริ่มเห็นการเปิดเผย และการแสดงของของเพศสภาพมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นการจัดงานเดินแบบของกลุ่ม LGBTQ+ และการเฉลิมฉลองในหลายสถานที่ ซึ่งในเดือนมิถุนายนของทุกปีนั้น มีความหมายเป็นอย่างมากสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ โดยในเดือนมิถุนายนนั้นถูกจัดให้เป็นเดือนที่เรียกว่า “Pride Month” อย่างเป็นสากล
และสำหรับใครที่ยังไม่รู้จักว่า LGBTQ+ นั้นคืออะไร แล้วมีความสำคัญอย่างไร และทำไมเราถึงต้องนำเรื่อง LGBTQ+ นั้นมาพูดถึงความเท่าเทียมกันของมนุษย์ในสังคมไทยปัจจุบัน ทั้งนี้สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับคำว่า LGBTQ+ นั้นหลายคนอาจมองว่า ความเท่าเทียมกันในประเทศไทยนั้นก็มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่มีการเลิกทาส แต่ถึงอย่างไรก็ดีเราก็รู้กันอยู่ลึกๆ ภายในใจว่าความเท่าเทียมในสังคมไทยนั้น ไม่มีอยู่จริง
แน่นอนว่าเราคงเคยได้ยินคำว่า “LGBTQ+” (อ่านว่า แอล จี บี ที คิว พลัส) กันมาแล้วบ้างอย่างแน่นอน แต่เราอาจจะไม่รู้ความหมายของคำว่า LGBTQ+ อย่างแท้จริง บางคนอาจจะพอเดาๆ ได้เพียงแค่ 2 -3คำในกลุ่มคำนี้ และนี้คือความหมาย ที่มาของคำว่า LGBTQ+ ที่เราได้ยินกัน
L: ย่อมาจากคำว่า Lesbian (อ่านว่า เลสเบี้ยน) แปลว่า ผู้ที่มีเพศกำเนิดเป็นเพศหญิง รักเพศหญิงเหมือนกัน
G: ย่อมาจากคำว่า Gay (อ่านว่า เกย์) แปลว่า ผู้ที่มีเพศกำเนิดเป็นเพศชาย รักเพศชายเหมือนกัน
B: ย่อมาจากคำว่า Bisexual (อ่านว่า ไบเซ็กซวล) แปลว่า ผู้ที่มีเพศกำเนิดเป็นทั้งเพศชาย หรือหญิงก็ได้ ไม่จำเพาะเจาะจง แต่มีความรักให้กับทั้ง เพศชาย และเพศหญิง แบบไม่เจาะจงเพศกำเนิด (แต่จะไม่ถูกนำไปรวมกับเพศสภาพ)
T: ย่อมาจากคำว่า Transgender (อ่านว่า ทรานส์เจนเดอร์) หรือ คนข้ามเพศ แปลว่า ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับเพศสภาพที่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองนั้นเป็นจากจิตใจ ต้องการที่จะแสดงออกให้แตกต่างจากเพศกำเนิด และผู้นั้นได้เข้าสู่สภาวะของกระบวนการทางการแพทย์อย่างเป็นทางการเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงเพศสภาพเดิมที่ตนเป็น หรือการใช้ยาเพื่อกระตุ้นฮอร์โมนให้เปลี่ยนจากเพศกำเนิด เพื่อให้ร่างกายของเขานั้นมีเพศสภาพตามที่จิตใจของตนเองนั้นต้องการได้อย่างสมบูรณ์
Q: ย่อมาจากคำว่า Queer (อ่านว่า เควียร์) แปลว่า กลุ่มที่อยู่เหนือคำจำกัดความของรสนิยมทางเพศ และเพศสภาพ เป็นคำที่เกือบจะเรียกได้ว่าครอบคลุมคำว่า LGBT ทั้งหมด โดยเขานั้นไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศสภาพ หรือเพศกำเนิดใด หรืออยู่ในกฎเกณฑ์ใดๆ เขาก็อาจจะรักเพศสภาพใดก็ได้หากความรู้สึกในตอนนั้นคือรัก
นอกจากนี้แล้ว ยังมีเพศสภาพอีกมากมายที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคสมัยที่มีการยอมรับ และการเปิดเผยที่กว้างขวางนี้ จึงได้เกิดเป็นคำว่า “+” เพื่อให้ความสำคัญกับทุกเพศกำเนิด และเพศสภาพที่ตนเองนั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าตนเองนั้นต้องการที่จะเป็นเพศสภาพไหนกันแน่
นอกจากคำย่อที่เรียกว่า LGBTQ ที่เราได้ยกตัวอย่างไปแล้วนั้น ยังมีอีก 1 คำย่อที่น่าสนใจนั้นก็คือตัวอักษร “I” (ไอ) ย่อมาจากคำว่า Intersex (อ่านว่า อินเตอร์เซ็กซ์) หรือที่เรียกว่า สภาวะเพศกำกวม ความเท่าเทียม ซึ่งหากใครเคยอ่านหนังสือ หรือศึกษารื่องราวเกี่ยวกับโครโมโซมเรื่องของเพศ อาจจะเคยผ่านหูผ่านกันมาบ้างกับกลุ่มคนที่เกิดมาพร้อมกับเพศสภาพทั้ง 2 รูปแบบ นั้นก็คือ เกิดมาพร้อมกับการที่มีอวัยวะเพศชาย และอวัยวะเพศหญิงอยู่ด้วยกัน นอกจากนี้แล้ว ยังร่วมถึง การมีโครโมโซมที่บ่งบอกเพศกำเนิดทั้งสองรูปแบบในคนๆ เดียวอีกด้วย
เมื่อเราได้รู้จักกับคำว่า LGBTQ+ กันไปแล้ว ต่อจากนี้เราจะมาพูดกันถึงความเท่าเทียมกันในสังคมไทย ที่ตอนนี้นั้นยังไม่ได้รับการยอมรับอย่าง 100% หลายสิ่งหลายอย่างนั้นยังไม่ถูกครอบคลุม และนำมาใช้กับกลุ่ม LGBTQ+ เพราะถ้าหากผู้ที่อยู่ในกลุ่ม LGBTQ+ นั้นต้องการที่จะใช้ชีวิตคู่ อยู่ด้วยกัน ดูแลกัน แต่งงานกันเหมือนกับคู่รักชายหญิงทั่วไป
พวกเขาจะถูกลิดรอนสิทธิในการตัดสินใจแทนกัน ซึ่งในบางกรณีนั้นอาจจะส่งผลไปถึงการที่จะต้องเซ็นรักษา หรือเซ็นดูแลคู่ชีวิตของตนในกระบวนการทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังคู่รักที่เป็น LGBTQ+ ยังถูกตัดสิทธิ์การเข้าถึงสวัสดิการ และประโยชน์ใดๆ ที่คู่ชีวิต หรือ คู่สมรสควรจะได้รับถึงแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็น LGBTQ+ ก็ตาม ซึ่งยังมีอีกหลายสิ่งที่พวกเขาถูกตัดสิทธิ์ออกไปเช่น การรับบุตรบุญธรรม การดำเนินคดี และการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน
แต่ในวันนี้เราได้เห็นถึงก้าวแรกของการที่จะคืนความเท่าเทียมทางสิทธิต่างๆ สล็อตที่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตาม พวกเขาควรจะได้รับเสมอกันในประเทศไทย
หากประเทศไทยเรามีความเท่าเทียมนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เราเกิดแล้วนั้น เราอาจจะไม่ต้องได้เห็นเหตุการณ์ที่พวกเขาเหล่านนั้นต้องถูกตัดสิน และตีตราจากเพศกำเนิดของตนอยู่นั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น แบบฟอร์มของชุดนักเรียนที่มีการแบ่งแยกเพศชาย และเพศหญิงออกจากกัน ซึ่งในกรณีนี้ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะพบปัญกับเด็กนักเรียนที่มีเพศกำเนิดเป็นชาย แต่มีเพศสภาพเป็นเพศหญิง เขาต้องถูกบังคับให้ใส่เครื่องแบบผู้ชาย แต่งตัว และตัดผมแบบผู้ชาย โดยที่เรื่องราวเหล่านี้นั้นไม่เกี่ยวกับความรู้ความสามารถที่ใครคนหนึ่งจะทำได้ นอกจากนี้เขายังถูกตีตรา และล้อเลียนตั้งแต่ช่วงวัยเด็กประถมไปจนถึงมหาลัยอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่มีแต่การเสริมสร้างความเกลียดชังให้กับสังคม เป็นแผลเล็กๆ ที่เกาะกินใจ และอาจจะทำให้พวกเขานั้นต้องสูญเสีญความมั่นใจลง ถึงแม้ว่าคุณจะมองว่าเป็นเรื่องทั่วไป แต่สำหรับพวกเขานั้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น