ถือว่าเป็นเรื่องสะเทือนใจของผู้ที่ติดตามผลงานเพลงจากวง (G)I-DLE เป็นอย่างมากกับข่าวของ “ซอซูจิน” หนึ่งในสมาชิกทั้ง 6 คน ที่ถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกวง (G)I-DLE ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นเองด้วยกระแสของการต่อต้าน และข่าวไม่ดีของเธอในอดีตส่งผลให้ “ซอซูจิน” จะต้องออกจากวงไปอย่างเป็นทางการ
ที่ผ่านมา “ซอซูจิน” ได้ถูกประกาศให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของวง (G)I-DLE อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2018 กับเพลง “LATATA” หนึ่งในซิงเกิ้ลที่อยู่ในอัลบั้ม I Am โดยก่อนหน้านี้นั้น ซูจิน ได้ออกมาปรากฏตัวเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง (G)I-DLE ผ่านการสวมหน้ากาก และอยู่ในฐานะนักเต้นเท่านั้นเอง ซึ่งหากใครสนใจที่จะดูผลงานของเธอในฐานะนักเต้นยุคนั้นสามารถค้นหาไปที่เพลง “Jelly” และเพลง “Idle Song” ได้เลยจ้า
สำหรับผลงานต่างๆของเธอนั้นนอกจากผลงานที่เธอจะฝากไว้กับการเป็นสมาชิกของวง (G)I-DLE และผลงานเพลง “LATATA” แล้วนั้น เธอยังมีผลงงานด้านแฟชั่นโชว์กับผลงาน Minnie Soojin’s i’M THE TREND โดยเป็นการร่วมแสดงผลงานกันระหว่าง ซูจิน และมินนี่ ซึ่งผลงานในครั้งนี้นั้นเป็นผลงานที่แสดงออกในด้านของแฟชั่นในด้านของ เทรนด์เซ็นเตอร์ และไอดอลเซ็นเตอร์นั้นเอง ในการแสดงผลงานในครั้งนี้นั้นจะเป็นการแสดงโดยพรีเซ็นผ่านวิดีโอ และภาพถ่าย เคล็ดลับการช็อปปิ้ง โดยใช้ชื่อวิดีโอผลงานในครั้งนี้ว่า “Fashion Film” ผลงานในครั้งนี้ได้มีการเปิดตัวไปแปล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา จากบริษัทผู้ให้บริการด้านสื่อโทรทัศน์ค่าย Glance TV
สำหรับข่าวของการที่ ซูจิน ถูกปลดออกจากการเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง (G)I-DLE นั้นเริ่มมาจากข่าวด้านลบของ ซูจิน ที่เกิดขึ้นในสมัยเด็ก และเมื่อทางค่ายเพลงต้นสังกัดของวง (G)I-DLE ได้ทราบเรื่องก็ได้ทำการปลด ซูจิน ออกจากการถ่ายทำ MV เพลงใหม่ทันที ซึ่งหลังจากมีประกาศการปล่อย MV เพลงใหม่ของวง (G)I-DLE ที่ใช้ชื่อ MV ว่า “Last Dance ซูจิน (G)I-DLE (Prod. GroovyRoom)” โดยที่จะทำการตัดต่อ และถ่ายทำโดยปลดซูจินด้วยเหตุนี้จึงทำให้ใครหลายคน ต่างก็ไปหาถึงสาเหตุของการปลดซูจินอย่างกระทันหันกันเป็นจำนวนมาก
สาเหตุในการปลด ซูจิน นั้นถูกนำมาพูดถึงกันเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์เวลาต่อมา และได้ไปพบกับปัญหาหลักที่เป็นตัวการทำให้ ซูจิน ต้องถูกปลดจากบทบาทของหนึ่งในสมาชิกวง (G)I-DLE อย่างเป็นทางการ นั้นก็คือ การบูลลี่ และใช้ความรุนแรงกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนในวัยเด็ก การกระทำนี้ ถึงแแม้ว่าทาง ซูจิน จะเคยออกมาให้สัมภาษท์เพื่อให้การปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง แต่ผู้เริ่มต้นกระแสของการแฉในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนซึ่งเธอคนนั้นก็คือ ซอจินเอ นักแสดงสาวในวงการเดียวกัน และผู้ที่เคยเป็นเพื่อของเธอในวัยเด็กนั้นเอง อีกทั้ง เธอยังเป็นหนึ่งในเหยื่อที่ถูกบูลลี่ และกลั้นแกล้งทำร้ายร่างกายอีกด้วย
ซอจินเอ ผู้ซึ่งเป็นที่ถูกจับตามองอยู่ ณ ขณะนี้ในฐานะของผู้ที่ออกมาแฉเรื่องที่ ซูจิน เคยใช้ความรุนแรง และมักจะมีนิสัยชอบบูลลี่เพื่อนร่วมชั้นเรียนอยู่เสมอๆ ซึ่งในครั้งหนึ่งของช่วงเวลาที่เธอเรียนร่วมชั้นเรียนเดียวกันระหว่าง ซอจินเอ และ ซูจิน ซอจินเอกล่าวว่า ซูจินเคยตบหน้าเพื่อนที่ร่วมชั้นเรียนด้วยกัน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมที่ไม่ดีตามมาอีกด้วยนั้นก็คือการสร้างไลน์กลุ่ม กลุ่มแชท ที่ใช้สำหรับสร้างเรื่องเสียๆหายๆให้ร้ายแก่เพื่อนร่วมชั้นของเธอ และมักจะมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเพื่อนอยู่บ่อยๆ เช่นการตบหน้าเพื่อนร่วมชั้น ตลอดจนสร้างเรื่องเสียหายจนเพื่อนร่วมชั้นของเธอนั้นอยู่ไม่ไหวจนต้องลาออกไปเอง นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมของการที่ชอบรีดไถเงินจากเพื่อนร่วมชั้นอีกด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้จะไม่มีน้ำหนักเลยถ้าประโยคกล่าวหานี้ไม่ได้ออกมาจากนักแสดงสาว ซอจินเอ (Seo Shin Ae) เพราะคำบอกเล่านี้นั้นมีการยืนยัน และเป็นการที่กล้าเอาชื่อเสียงของตนเองออกมาใช้เพื่อเปิดโปงความผิด การกระทำที่ไม่ดีของสังคม
แต่ทั้งหมดนี้ก็สามารถถูกลบล้างไปได้ถ้าหากเพื่อนร่วมชั้นของ ซูจิน (Soojin) “ซูจิน” คนใดคนหนึ่งกล้าที่จะรวมตัวกันในชั้นเรียน และออกมาเพื่อที่จะบอกว่าเรื่องที่ “ซอจินแอ” พูดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง กระแสนี้ก็จะถูกตีกลับไปที่ “ซอจินแอ” แทน
เรื่องของการบูลลี่ การดูถูกเหยียดหยาม หรือการกลั่นแกล้งกันนั้น พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย รวมถึงเกิดขึ้นได้กับทุกวัยอีกด้วย บางครั้งพฤติกรรมนี้ก็เกิดขึ้นได้ในสังคมทำงาน หรือสังคมเรียน และแม้กระทั้งวันรวมญาติ การที่นำบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอๆ นั้นเป็นสิ่งนั่นอาจจะเป็นการสร้างบาดแผลในจิตใจของคนๆ นั้นเล็กๆ และฝั่งอยู่ในนั้นไปนานแสนนาน สล็อตออนไลน์
การบูลลี่ในสังคมเกาหลี หรือสังคมทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ทำให้เราเห็นถึงข่าวการฆ่าตัวตายเยอะขึ้น ผู้คนเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี และพบว่าโรซึมเศร้านั้นเกิดขึ้นในเด็กมากยิ่งขึ้นจนเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ การที่เด็กเล่นกัน หรือกำลังคิดว่าเป็นเรื่องของเด็กนั้น บางทีการที่จะต้องอธิบายให้เด็กๆ หรือลูกหลานของเราเข้าใจถึงพฤติกรรมที่ถูกกระทำ หรือพฤติกรรมที่เพื่อนกระทำนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ความไร้เดียงสาที่ถูกกดขี่ทางจิตใจของเด็กคนหนึ่งนั้นจะเข้าใจได้ สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ควรเป็นตัวอย่างให้ลูกๆ หลานๆ ภายในบ้านเห็นว่าการพูดคุยกันด้วยคำพูดเหน็บแนม หรือการเหยียดหยาม เปรียบเทียบกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี และไม่ควรหยิบยกมาใช้ในวงสนทนา